จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2258 04 ต.ค. - 06 ต.ค. 2550
สนข. มึนตึบวงเงินค่าก่อสร้างรถไฟสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต พุ่ง 25% จากเดิม 5.2 หมื่นล้าน กลายเป็น 6.5 หมื่นล้าน แจงเหตุงบบานปลายเพราะเนื้องานเพิ่ม ทั้งย่านศูนย์ซ่อมรถไฟดีเซลไปเชียงราก ปรับภูมิทัศน์สถานีจอดรถไฟฟ้าย่านบางซื่อ และเพิ่มสถานีรายทาง นัดการรถไฟฯ ถกข้อดี-ข้อเสียก่อนสรุปเสนอครม. ขออนุมัติค่าก่อสร้างกลางเดือนนี้
นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าในการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาปรับแบบรายละเอียด ของโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากพอสมควรแล้ว ซึ่งภายในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ จะสรุปวงเงินค่าก่อสร้างและรูปแบบเบื้องต้น เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ส่วนแบบรายละเอียดนั้นจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนพฤศจิกายน 2550 นี้
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวยอมรับว่าในการปรับแบบเพิ่มเติม มีผลทำให้ประมาณการวงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยเนื้องานเพิ่มเติมที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาด้วย คือ
1. การย้ายศูนย์ซ่อมบำรุงหัวรถจักรดีเซล ไปอยู่ที่เชียงราก
2. มีการเพิ่มสถานีรายทางเข้าไปด้วย คือสถานีจตุจักร สถานีวัดเสมียนนารี สถานีทุ่งสองห้อง สถานีการเคหะ สถานีหลักหก และล่าสุดจะเพิ่มสถานีที่เชียงรากอีก 1 สถานีด้วย เพื่อรองรับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชนด้วย
โดยเร็วๆ นี้จะเชิญตัวแทนจากทั้ง 2 หน่วยงานมาหารือว่าจะมีนโยบายส่งเสริมให้นักศึกษามาใช้ระบบขนส่งมวชนเพิ่มให้มากขึ้นได้อย่างไรด้วย
อย่างไรก็ดี ในการเสนอครม. พิจารณาครั้งนี้ เป็นการรายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าในการทำงานแ ละขอรายงานเรื่องวงเงินที่จะต้องใช้ก่อสร้าง ส่วนจะอนุมัติก่อสร้างเลยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากรัฐบาลอนุมัติให้ก่อสร้างได้หลังจากที่แบบแล้วเสร็จในช่วงเดือนกฤศจิกายนนี้แล้วนั้น เชื่อว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ จะสามารถขายเอกสารประกวดราคาได้ในช่วงเดือนมกราคม 2551
"คาดว่าหลังจากที่ได้เสนอรายละเอียดโครงการช่วงบางซื่อ-รังสิตเข้าครม. แล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะเปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงความคืบหน้าที่รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการ และงานที่เหลืออยู่ที่ต้องรอให้รัฐบาลชึดใหใม่มาสานต่อห้ได้ทราบทั่วกันด้วย ซึ่งขณะนี้ทางสนข.กำลังทำการรวบรวมข้อมูลอยู่" นายไมตรีกล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า เดิมทีนั้น ทาง สนข. ได้ขออนุญาตต่อรัฐบาลเพื่อทบทวนแบบโครงการดังกล่าว โดยการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาปรับแบบรายละเอียดและลดขนาดย่านสถานีบางซื่อ วงเงิน 93 ล้านบาท ด้วยหวังว่าจะทำการปรับลดขนาดย่านสถานีบางซื่อ พร้อมทั้งเพิ่มสถานีรายทางเข้าไปอีก 4-5 สถานี โดยจะสามารถให้ควบคุมวงเงินได้เท่าเดิม หรือเพิ่มจากเดิมไม่มากนัก แต่ปรากฎว่า หลังจากที่มีการทบทวนแล้วปรากฎว่านอกจากจะไม่สามารถลดเนื้องานเดิมได้ตามที่ตั้งใจไว้ และเมื่อรวมกับการทำสถานีรายทางเพิ่ม ทำให้งบประมาณเพิ่มจากเดิมที่เคยขออนุมัติจากครม. 52,220 ล้านบาท เป็น 65,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 25%
ทั้งนี้ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ สนข. จะหารือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ เกี่ยวกับความพร้อมในการเตรียมเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม. เตรียมที่จะเสนอนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาก่อนเสนอเข้าครม. ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาด้วยว่า จากวงเงินที่มีการปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 25% นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับผลการศึกษาและวงเงินค่าก่อสร้างเดิมแล้วมีผลตอบแทนทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การให้บริการประชาชน และอื่นๆ ที่ดีกว่าหรือไม่ หากมีผลสรุปว่ามีผลตอบแทนที่ดีกว่าของเดิม ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นก็คงรับได้ แต่หากมีผลตอบแทนเท่าเดิม หรือไม่ดีไปกว่าเดิมก็คงต้องพิจารณาว่าจะปรับลดลงได้อีกหรือไม่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น