[สยามธุรกิจ ฉบับที่ 800 ประจำวันที่ 9-6-2007 ถึง 12-6-2007]
ผู้บริหารรถไฟฯ ยันไม่ได้แหกตาประชาชน เหตุที่รถไฟฟ้าสายสีแดงเฟสแรก (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ต้องเอารถไฟดีเซลมาวิ่ง เพราะทางยังไม่สมบูรณ์ ระบุหลังสร้างเสร็จครบ ได้นั่งรถไฟฟ้าแน่นอน “นคร” แจงรางสายสีแดง ไม่ต้องใช้ถึง 1.435 เมตรเหมือนบีทีเอสและรฟม.เพราะเชื่อมกันไม่ได้อยู่แล้ว ชี้แม้เป็นรถไฟดีเซลแต่รับรองปลอดภัย
นายนคร จันทศร รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ด้านบริหารโครงการระบบรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า แนวทางการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง คือ แนวเส้นทางโครงการโฮปเวลล์เดิม ซึ่งได้ออกแบบเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟทางไกล โดยจะทำหน้าที่ขนส่งผู้โดยสารระยะไกล และชานเมืองเข้ามาส่งย่านใจกลางเมือง โดยสายเหนือเริ่มจากรังสิต-บางซื่อ-หัวลำโพง สายใต้จากมหาชัย-หัวลำโพง สายตะวันออกจากหัวหมาก-หัวลำโพง และสายตะวันตกจากตลิ่งชัน-บางซื่อ-หัวลำโพง โดยเส้นทางดังกล่าว ปัจจุบันเป็นทางระดับดิน มีจุดตัดกับถนนจำนวนมาก ซึ่งสร้างปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ อย่างมาก ดังนั้น จึงต้องทำเป็นโครงสร้างเป็นรถไฟฟ้ายกระดับ โดยในระยะแรกจะนำรถไฟเครื่องยนต์ดีเซลวิ่งก่อนในเส้น ทาง คือ บางซื่อ-ตลิ่งชัน และหลังจากสร้างสายสีแดงเสร็จครบทุกเส้นทางปี 2554 จึงจะนำรถไฟฟ้ามาวิ่งบริการให้เป็นโครงข่ายที่สมบูรณ์ สำหรับการที่ต้องใช้รางขนาด 1 เมตรนั้น เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศจีน พม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ที่ต่างก็ใช้รางขนาด 1 เมตร ถือเป็นมาตรฐานของประเทศแถบนี้ ซึ่งคล้ายกับประเทศแถบยุโรป (อียู) ที่เลือกใช้รางขนาด 1.435 เมตร เป็นรางมาตรฐาน ทั้งนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างรางรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นขนาด 1.435 เมตร ให้เท่ากับรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถ ไฟฟ้าใต้ดิน เพราะไม่สามารถต่อเชื่อมกันได้อยู่แล้ว เนื่องจากต้องคำนึงถึงเขตโครงสร้าง และเขตบรรทุก รวมถึงระบบไฟฟ้าที่ใช้ต่างระบบกันด้วย นอกจากนี้ การที่รถไฟวิ่งช้า ไม่ใช่สาเหตุจากราง 1 เมตร แต่มาจากเป็นรางเดี่ยว ระบบอาณัติสัญญาณล้าสมัย สายทางไม่แข็งแรง สภาพขบวนรถวิ่ง ไม่เหมาะที่จะวิ่งเร็ว เพราะขาดงบประมาณลงทุน “ญี่ปุ่นก็ถูกหลอกให้สร้างด้วยราง 1.435 เมตร 2 สาย คือ สายสกินซ่า และมารูโนชิ แต่ก็กลับตัวทัน ที่กลับมาสร้างเป็นราง 1 เมตร ทุก เส้นทาง ที่เมืองไทยก็ถูกเขาหลอกแล้ว ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ต่อไปก็ไม่เป็นไร ถ้าสร้างเป็นใยแมงมุมอยู่ในเมือง ซึ่งที่ผ่านมาคนเข้าใจผิดจำนวนมากว่ารางมาตรฐานต้องเป็น 1.435 เมตรเท่านั้น” นายนคร กล่าว
ด้านนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) กล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงตามแผนที่วางไว้ ในที่ สุดจะเป็นระบบเดินรถด้วยรถไฟฟ้าทั้งหมด แต่ช่วงแรก บางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร งบประมาณ 13,133 ล้านบาท จะเป็นการเปิดวิ่งรถไฟดีเซลก่อน ซึ่งจะวิ่งบนรางยกระดับ โดยเปิดใช้ปี 2553 หลังจากนั้นจะรอจนกว่าช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร งบประมาณ 52,220 ล้านบาท แล้วเสร็จปี 2554 จึงจะเปิดให้บริการเป็นรถไฟฟ้าที่สามารถวิ่งควบคู่กับรถไฟดีเซลในรางเดียวกันได้ ซึ่ง ร.ฟ.ท.มีแผนรองรับ ไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ขบวนรถไฟที่สามารถวิ่งทับเส้นกันได้ก็ต่อเมื่อความกว้าง รางเท่ากัน เขตโครงสร้างและเขตบรรทุกเท่ากัน น้ำหนักกดเพลาที่ยอมให้ของทางเข้ากันได้ ระบบไฟเหมือนกัน
นอกจากนี้ การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะมีเฉพาะงานโครงสร้าง และงานวางราง ไม่มีระบบอาณัติสัญญาณ และยังไม่สามารถเชื่อมกับสถานีบางซื่อได้ เพราะการก่อสร้างยังไม่เสร็จ ดังนั้น ระบบรถไฟฟ้าจึงยังไม่สามารถเปิดใช้ได้ เพราะต้องรอรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต แล้วเสร็จก่อน ซึ่งจะมีการก่อสร้างสถานีบางซื่อ งานวางราง และการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณเชื่อมเข้าด้วยกัน ดังนั้น ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ร.ฟ.ท.ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ก่อสร้าง 2 เส้นทางพร้อมกัน
“ถ้าสถานีบางซื่อสร้างไม่แล้วเสร็จ รถไฟยกระดับจากตลิ่งชันก็เปิด ให้บริการไม่ได้ ร.ฟ.ท. จึงได้เร่งรัดให้แยกการประมูลสถานีบางซื่อ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ออกไปต่างหาก และรีบประมูลให้ได้ในปี 2551 แต่ถ้านโยบายรัฐบาลใหม่เกิดเปลี่ยนแปลง ก็เป็นเรื่องอนาคต” นายอารักษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การส่งกระแสไฟฟ้าที่ ร.ฟ.ท. จะนำมาใช้นั้นจะแตกต่างจากระบบเดินรถของรถ ไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินที่ส่งกระแสไฟฟ้า มาตามราง แต่ ร.ฟ.ท.จะเป็นระบบสายส่งเหนือหัว หรือรถไฟฟ้าแบบกระแสสลับเฟสเดียว โดย ร.ฟ.ท.จะนำมาใช้กับรถไฟฟ้าสายสีแดง และโครง การระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อท่าอากาศยานสุ วรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตลิ้ง) ด้วยกระแสสลับแรงดัน 25,000 โวลต์ ซึ่งสามารถวิ่งได้ประมาณ 140 กม./ชั่วโมง ส่วนสายเหตุที่รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินวิ่งได้ประมาณ 40-60 กม./ชั่วโมง เนื่องจากทำการขนส่งคนในเมืองและมีสถานีที่ใกล้จึงจำเป็นต้องใช้ความเร็วที่ต่ำกว่า
ขณะที่นายบัญชา คงนคร รักษาการการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า การนำรถไฟดีเซลไปวิ่งที่รางยกระดับในช่วงแรกนั้น รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน เพราะว่าออกแบบมาเป็นอย่างดี และต้องคำนึงถึงความแข็งแรงมากกว่า วิ่งระดับดิน ซึ่งที่ผ่านมามีการก่อสร้างรางยกระดับแล้วนำรถไฟดีเซลวิ่งมาแล้วในไทย คือสะพานพระราม 6 ก่อสร้างยกระดับข้ามถนน ซึ่งไม่มีอุบัติเหตุแต่อย่างใด แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็มีการสร้างทางยกระดับข้ามถนน หรือสร้างยกระดับทำบายพาสผ่านเมือง ทั้งนี้ ประเทศที่มีการ ก่อสร้างรางยกระดับแล้วนำรถดีเซลขึ้นไปวิ่งอย่างเมืองไทย แบบเส้นทาง ระยะยาวอย่างสายบางซื่อ-ตลิ่งชัน ก็มีอยู่แล้ว
ส่วนการสร้างขนาดราง 1 เมตร แล้วนำราง 1.435 เมตร มาวิ่งด้วย ไม่ใช่มีเฉพาะเมืองไทย ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ย่านเมือง หลวงก็สร้างรางรถไฟขนาด 1 เมตร แต่ก็มีสายแอร์พอร์ต ลิงค์ ที่ใช้ราง ขนาด 1.435 เมตร ส่วนสิงคโปร์ มีรางขนาด 1 เมตร ซึ่งเป็นรถไฟวิ่งจาก มาเลเซีย แต่การขนส่งทั่วเกาะสิงคโปร์ ใช้รางขนาด 1.435 เมตร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น