ประชาชาติธุรกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 4128 วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เริ่มแรกทำท่าจะราบรื่น แต่สุดท้ายงานประมูลก่อสร้าง "รถไฟชานเมืองสายสีแดง" ช่วงบางซื่อ-รังสิต วงเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท อภิมหาโปรเจ็กต์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เค้กชิ้นใหญ่วงการรับเหมาก่อสร้าง ก็ล่มไปไม่เป็นท่า จำต้องเลื่อนการพีคิว (คัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น) ออกไปไม่มีกำหนด
ทั้งที่ ร.ฟ.ท.เพิ่งปิดการขายเอกสารสัญญาที่ 3 งานไฟฟ้าและเครื่องกลหมาดๆ วันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้มาซื้อเอกสาร 51 ราย และดีเดย์ประกาศขายเอกสารพีคิวสัญญาที่ 1 งานโยธาสถานีบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง และสัญญาที่ 2 งานโยธาทางรถไฟบางซื่อ-รังสิต ต่อทันที ในวันที่ 16-31 กรกฎาคม 2552 หลังองค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ไฟเขียว
ก่อนหน้านี้วันที่ 13 กรกฎาคม คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ได้เรียกประชุมด่วน และมีมติให้ ร.ฟ.ท.เจรจากับไจก้า ขอปรับปรุงเงื่อนไขทีโออาร์โครงการนี้ใหม่ โดยไม่ให้รับเหมาต่างชาติเข้าประมูลเดี่ยวๆ ต้องจอยต์เวนเจอร์กับบริษัทรับเหมาไทยด้วย
"ทีโออาร์เดิมแม้ไม่ระบุชัดว่าให้รับเหมาไทยกับต่างชาติจอยต์เวนเจอร์กัน แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรับเหมาต่างชาติมายื่นประมูลแบบเดี่ยวๆ เลย ส่วนใหญ่จะจับมือกับรับเหมาไทย การที่บอร์ดการรถไฟฯสั่งให้ชะลอโดยอ้างเหตุผลอย่างที่ว่า ดูแล้วมีนัยอย่างอื่นมากกว่า เพราะของเดิมประมูลได้เฉพาะรับเหมารายใหญ่ๆ เท่านั้น" แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.ตั้งข้อสังเกต
แฉยังจัดโผไม่ลงตัว
ท่ามกลางข้อกังขา มีเสียงร่ำลือถึงที่มาของการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทีโออาร์ว่า เบื้องหลังมีระดับบิ๊ก "การเมือง-ข้าราชการ" พยายามใช้กำลังภายในผลักดันรับเหมาในก๊วนของตัวเองร่วมวงแชร์เค้กก้อนนี้ หลังตรวจสเป็กร่างทีโออาร์แล้ว พบว่าเงื่อนไขเดิมไม่เอื้อเพราะคุณสมบัติ ไม่ถึง อาทิ กำหนดให้ต้องมีรายได้รวม 3 ปี มูลค่า 30,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ต้องมีผลงานโครงสร้างทางยกระดับ 10 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาทต่อสัญญา สถานะการเงิน ฯลฯ
ที่ผ่านมาก็มีความพยายามให้ ร.ฟ.ท.รับหน้าเสื่อต่อรองกับไจก้า ขอซอยงานประมูลจาก 3 สัญญา เป็น 5 สัญญา มาครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อให้วงเงินแต่ละสัญญาน้อยลง ง่ายต่อการกำหนดคุณสมบัติ แต่ไม่เป็นผลเพราะไจก้าไม่เห็นด้วย
จึงให้ ร.ฟ.ท.คุยกับไจก้าอีกรอบ เที่ยวนี้ขอปรับเงื่อนไขทีโออาร์ใหม่ ให้ผ่อนปรนและเปิดกว้างมากขึ้น เพื่อเปิดทางให้รับเหมารายกลางทั้ง ยูนิค-ทิพากร-สหวิศวก่อสร้าง-ซินเทค-เนาวรัตน์พัฒนาการ-คริสเตียนี หรือแม้แต่ 5 เสือกรมทางอย่าง กรุงธน-วิจิตรภัณฑ์ สามารถเข้าประมูลได้
ไม่ขีดวงจำกัดเฉพาะรับเหมาในตลาดหลักทรัพย์ฯที่เป็น "บิ๊กทรี" ของวงการ อย่าง "บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์-บมจ.ช.การช่าง และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น" อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังจัดโผไม่ลงตัว
ไม่พ้นมือ ITD-ช.การช่าง-ซิโน-ไทยฯ
แม้จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขทีโออาร์วงการรับเหมาก่อสร้างก็ยังฟันธงว่าคงหนี ไม่พ้น รับเหมาแถวหน้า 3 ราย คือ อิตาเลียนไทยฯ ช.การช่าง และซิโน-ไทยฯที่จะได้งานทั้ง 3 สัญญา เพราะมีประสบการณ์อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะจับมือหมั้นหมายกับใคร ขณะที่บริษัทรายกลางมีแต่ประสบการณ์งานสร้างทางยกระดับ ทางด่วน
ส่วน "ยูนิค" แม้จะได้งานรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน แต่ยังก่อสร้าง ไม่แล้วเสร็จ จึงไม่น่านำมาเป็นผลงานได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือต้องจอยต์เวนเจอร์กับรับเหมาที่มีประสบการณ์งานวางราง เช่น เอ.เอส. แอสโซซิเอท เป็นต้น
"โดยเฉพาะอิตาเลียนไทยฯตอนนี้อยากได้งานมาก เพราะพลาดหวังโครงการสายสีม่วง จะรอสายสีเขียวก็ยังไม่รู้ว่าจะเปิดประมูลเมื่อไหร่ เมื่องานใหญ่มารอตรงหน้าก็ต้องคว้าไว้ก่อน" แหล่งข่าวจากวงการ รับเหมาก่อสร้างกล่าว
"ว่ากันว่าอิตาเลียนไทยฯหมายตางานสัญญาที่ 1 งานอาคารสถานีบางซื่อและศูนย์ซ่อม เพราะเคยสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมาแล้ว ส่วนสัญญาที่ 2 น่าจะเป็นของ ช.การช่าง หรือซิโน-ไทยฯ ส่วนสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ผู้รับเหมาไทยเข้าไม่ได้อยู่แล้ว น่าจะเป็นการร่วมกันระหว่างรับเหมาไทย ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งมี 6 รายที่เป็นขาใหญ่ คือ บอมบาดิเยร์ ซีเมนส์ อัสสตรอม มิตซูบิชิ มิตซุย และอัลซาโด้"
ร.ฟ.ท.ขอยกเว้นไม่อีออกชั่น
ด้าน "ยุทธนา ทัพเจริญ" ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ระหว่างรอไจก้าอนุมัติ ได้ขอทางคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ ยกเว้นไม่ใช้วิธีเปิดประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีออกชั่น กับรถไฟฟ้าสายสีแดง จะขอเปิดประมูลแบบทั่วไปเหมือนสายสีม่วง เพื่อความรวดเร็ว ตั้งเป้าว่าปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายนนี้จะประกาศประกวดราคา จากนั้นจะใช้เวลาก่อสร้างอีก 4 ปี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น