วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ร.ฟ.ท.ปัดให้'ยูนิค' รับผิดชอบรื้อชุมชน ข้างรถไฟฟ้าสีแดง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2433 07 มิ.ย. - 10 มิ.ย. 2552

"ยุทธนา"แจงปัญหารื้อย้ายชุมชนริมทางรถไฟตามแนวรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นความรับ ผิดชอบของ "บมจ.ยูนิค" ตามข้อตกลงในสัญญาจ้าง เผยการรถไฟฯ ช่วยได้แค่จ่ายชดเชย ไม่เกิน 230 ล้านเจรจาได้แล้ว 400 หลังคาเรือนพร้อมเดินหน้ารื้อย้ายอีกกว่า 2,000 รายด้านศาลแพ่งเลื่อนนัดไต่สวนไปเป็น 7 ส.ค. เหตุผู้ร้องเรียนมาแสดงตัวไม่ครบ


นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ในฐานะที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันเปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงกรณีที่มี ประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางโครงการซึ่งถูกไล่รื้อกว่า 1,000 รายรวมตัวกันยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลว่าในเบื้องต้นต้องทำความเข้าใจตาม สัญญางานก่อสร้างงานทั้งหมดรวมทั้งงานรื้อย้ายด้วยว่า


จะอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (Unique - Chun Wo Joint Venture) หรือUNIQ ขณะที่ การรถไฟฯมีหน้าที่เพียงประสานงานเท่านั้น

เช่นหากชาวชุมชนไม่ยอมย้ายออกแล้วมีการฟ้องร้องหรือเดินขบวนการรถไฟฯก็จะเข้าไปทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้

ทั้งนี้ยืนยันว่ากรณีนี้การรถไฟฯจะช่วยเหลือได้เพียงแค่จ่ายค่าชดเชยหรือหา ที่อยู่ที่เหมาะสมให้ผู้ที่ถูกไล่รื้อโดยจะประสานกับองค์กรพัฒนาชุมชนเพื่อ ร่วมกันหามาตรการรองรับแต่การรถไฟฯ ไม่สามารถยอมให้ผู้ถูกไล่รื้อเช่าพื้นที่ที่เหลือจากการก่อสร้างได้เนื่อง จากพิจารณาแล้วเห็นว่าต้องใช้เนื้อที่เกือบทั้งหมดอีกทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ ตามแนวเส้นทางโครงการส่วนใหญ่เป็นผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯซึ่งต้อง ปฏิบัติตามระเบียบ

"เรื่องปัญหาการรื้อย้ายชุมชนถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดผมยอมรับว่าชาวบ้านเดือดร้อน

แต่เราก็ต้องเดินหน้างานก่อสร้างต่อไปเพราะรถไฟฟ้าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วย กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศซึ่งเราจะช่วยเหลือโดยจ่ายค่าชดเชยหรือหาที่อยู่ให้ ใหม่ตามสมควรแต่เรื่องขอเช่าพื้นที่ที่เหลือจากการก่อสร้างยืนยันว่าให้ไม่ ได้เพราะดูแล้วเราคงไม่มีพื้นที่เหลือให้เช่าได้คือพื้นที่นอกเขตรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ดินของการรถไฟฯ เช่น ตลิ่งชันแต่ก็ต้องดูด้วยว่าชาวชุมชนนั้นอยู่ในกลุ่มสลัม 4 ภาคหรือไม่ถ้าอยู่ในกลุ่มนี้เราจะจัดหาที่อยู่ใหม่ให้ตามข้อตกลงกันแต่ถ้า ไม่ได้อยู่ก็คงช่วยไม่ได้"

ผู้ว่าการรถไฟฯกล่าวต่ออีกว่า เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับผู้รับจ้างก่อสร้างเพื่อติดตามความ คืบหน้าซึ่งผู้รับจ้างได้ยืนยันว่างานรื้อย้ายไม่มีปัญหาล่าสุดดำเนินการไป แล้ว 400 หลังคาเรือนเชื่อว่าจะรื้อย้ายเสร็จภายใน1 ปี ตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาและค่าชดเชยจะไม่เกินจากกรอบวงเงินค่ารื้อย้ายที่ ตั้งไว้ 230 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่างานก่อสร้างสายสีแดงนี้จะไม่ซ้ำรอยโครงการก่อสร้างระบบขน ส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานใน เมือง(แอร์พอร์ตเรลลิงค์)ที่ล่าช้ามาก


"ยังมั่นใจว่าโครงการนี้จะไม่ซ้ำรอยแอร์พอร์ตเรลลิงค์เพราะเมื่อได้ประชุม ติดตามงานแล้วผู้รับจ้างยังยืนยันว่าไม่มีปัญหาสามารถจัดการได้ล่าสุดก็ตกลง กันได้แล้ว 400 หลังคาเรือน


จากที่ต้องรื้อย้ายทั้งหมดกว่า 3,000 หลังคาเรือนโครงการนี้เซ็นสัญญาเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคมปี 2551 ใช้เวลาก่อสร้าง 33 เดือนโดยต้องรื้อย้ายให้จบใน 1 ปีซึ่งทางผู้รับจ้างยังยืนยันว่าทำได้


ส่วนเรื่องค่าชดเชยก็มั่นใจว่าไม่เกิน 230 ล้านบาทเพราะที่ปรึกษาได้ลงพื้นที่สำรวจแล้วว่าจะต้องชดเชยครัวเรือนละเท่าไรอย่างไร"


ทางด้านความเคลื่อนไหวของผู้ถูกไล่รื้อนั้นเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาศาลแพ่งรัชดาฯได้เลื่อนนัดเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่าง ชาวชุมชนที่ถูกไล่รื้อกับบริษัทผู้รับงาน คือ บมจ.ยูนิค ไปก่อนเนื่องจากผู้ที่ถูกไล่รื้อมารายงานตัวไม่ครบและนัดเจรจาไกล่เกลี่ยอีก ครั้งในวันที่ 7 สิงหาคม 2552 ทั้งนี้ผู้ถูกไล่รื้อได้ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวให้บริษัทผู้ รับจ้างก่อสร้าง ชะลอการรื้อย้ายออกไปก่อนจนกว่าจะสามารถเจรจากับการรถไฟฯเรื่องขอเช่า พื้นที่ที่เหลือจากการก่อสร้างได้เสร็จสิ้น


สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันมีระยะทางทั้งสิ้น 15 กม. วงเงินก่อสร้าง 8.7 พันล้านบาท มี 3 สถานีคือ

1. สถานีบางซ่อน
2. สถานีบางบำหรุและ
3. สถานีตลิ่งชัน

มีจำนวนผู้ที่จะต้องถูกไล่รื้อ 3,084 หลังคาเรือนซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามแนวเส้นทางมากว่า 50 ปีแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น