วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สายสีแดงความฝันของคนกรุง ลดปัญหาจุดตัดถนนทั้งหมด

สวัสดีกรุงเทพ 12 December 2007

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบนโยบายและแผนการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในส่วนของระบบรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) ในระยะแรก 3 ช่วง ประกอบด้วย

1. ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทางประมาณ 15 กม.

2. ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทางประมาณ 26 กม.และ

3. ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก ระยะทางประมาณ 19 กม.

โดยเฉพาะช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก ถือว่าเป็นเส้นทางสำคัญที่สุดของสายสีแดง เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางทั้ง 4 ทิศ โดยเฉพาะรถไฟชานเมืองด้านทิศเหนือและแยกออกไปสายอีสานเชื่อมต่อกับศูนย์บางซื่อ ซึ่งอนาคตสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร(สนข.)ได้วางแผนไว้ให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมของประเทศแห่งใหม่แทนหัวลำโพง ด้านทิศตะวันออกเชื่อมต่อโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ต่อเชื่อมไปฉะเชิงเทรา ด้านทิศตะวันตกตลิ่งชัน ซึ่งจะขยายต่อไปนครปฐม และด้านทิศใต้ผ่านหัวลำโพง นอกจากนี้ตามแนวสายเส้นทางจะเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆอีก นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการสนข. เปิดเผยว่า โครงการสายสีแดงช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก เป็นเส้นทางของสายสีแดง ซึ่งประกอบไปด้วย ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันและบางซื่อ-รังสิต โดยเส้นทางช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก ถือเป็นช่วงเส้นทางสายสำคัญในการในการเชื่อมโครงข่ายระบบราง โดยจะเชื่อมต่อกับศูนย์บางซื่อ ซึ่งในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบรางแทนหัวลำโพง ซึ่งต่อไปจะเป็นเพียงสถานีย่อยหรืออาจจะจัดเป็นพิพิธภัณฑ์การรถไป โดยศูนย์บางซื่อ จะเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อในการเดินทางโดยรถไฟไปยังจุดต่างๆ โดยเฉพาะด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ อย่างไรก็ตามสายสีแดงช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างบริษัทที่ปรึกษานำเสนอรูปแบบรายละเอียดของการศึกษา ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งจะรองรับการเดินรถไฟ 3 ระบบในโครงการเดียวกัน ได้แก่ ระบบรถไฟทางไกล รถไฟฟ้าชานเมือง และระบบรถไฟฟ้าขนส่งสินค้า ซึ่งเมื่อสรุปรูปแบบที่ชัดเจนแล้ว สนข.จะนำเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ต่อไป คาดว่าผลการศึกษาจะเสร็จประมาณต้นปี 2551 ซึ่งรูปแบบและการลงทุน รฟท.จะเป็นผู้ประเมินเพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว จึงมาจัดเตรียมเอกสารในการจัดประกวดราคา ซึ่งคาดว่าน่าจะประกวดราคาก่อสร้างได้ประมาณปลายปีหน้า ด้านดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ รองผู้จัดการโครงการ ในการศึกษารูปแบบรายละเอียดโครงการสานสีแดงช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก กล่าวถึงรูปแบบสถานีจิตรลดาว่า จากการศึกษาการศึกษาพบว่ารูปแบบที่เหมาะสมที่สุด จะเป็นรูปแบบโครงสร้างทางรถไฟใต้ดิน เนื่องจากสามารถก่อสร้างได้ตามหลักเกณฑ์ทางเทคนิคและวิศวกรรมรถไฟ ประกอบกับสอดคล้องกับมติของคณะกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองทางด้านเหนือจากบางซื่อขึ้นไป ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งโครงการนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินรถและอนาคตจะมีขยายโครงการไปจนถึงชุมทางบ้านภาชี ต่อเชื่อมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกไป ทั้งนี้เส้นทางรางที่ทำการศึกษาอยู่นี้ จะลดจุดตัดกับถนนในพื้นที่กทม.ทั้งหมด ส่งผลให้การจราจรที่เคยมีปัญหาตรงนี้หมดไป ก่อให้เกิดการประหยัดพลังงานและระยะเวลาในการเดินทาง ส่วนข้อที่ประชาชนเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องการเวนคืนที่ดินนั้น ในเรื่องนี้เราได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้น้อยที่สุด โดยได้มีการจัดประชุมกลุ่มย่อยไปแล้วหลายชุมชนด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเงินชดเชยหรือการจัดสถานที่อยู่อาศัยใหม่ให้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เมื่อได้รูปแบบที่ชัดเจนแล้ว จะนำเสนอให้รฟท.เป็นผู้พิจารณาต่อไป ซึ่งชุมชนส่วนใหญ่อยู่ในเขตเส้นทางของรฟท. ทำให้เกือบจะไม่มีปัญหาการเวนคืนที่ดิน แต่จะชดเชยอย่างไรนั้นต้องพิจารณาจากความต้องการของประชาชนเป็นสำคัญ สำหรับรายละเอียดของเส้นทางสายสีแดงช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง และเป็นช่วงสุดท้ายที่จะทำให้โครงข่ายของรถไฟฟ้าสายสีแดงสมบูรณ์ ประกอบกับเป็นช่วงที่เชื่อมต่อกับศูนย์คมนาคมพหลโยธิน(บางซื่อ) ศูนย์คมนาคมมักกะสัน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของระบบขนส่งทางรถไฟ ทั้งด้านการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า และขจัดปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนนตามแนวเส้นทาง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ แนวเส้นทางจะใช้แนวเส้นทางรถไฟเดิม เริ่มตั้งแต่สถานีบางซื่อ ซึ่งจะเป็นทางยกระดับ ผ่านสถานีสามเสน-ราชวิถีแล้วลดระดับลงสู่ใต้ดินผ่านสถานีจิตรลดาไปขึ้นระดับผิวดินที่สถานีพญาไท ไปจนถึงศูนย์มักกะสัน เป็นช่วงแรก ส่วนช่วงที่ 2 จากต่อจากสถานีจิตรลดา ขึ้นสู่ระดับผิวดินที่สถานียมราช-สถานียศเส(อยู่ช่วงระหว่างสะพานกษัตริย์ศึกกับสถานีหัวลำโพง)ต่อไปจนถึงหัวลำโพง โดยมีมูลค่าการลงทุน 25,137 ล้านบาท ประกอบด้วยงานโยธา อาคาร 14,961.50 ล้านบาท งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล 1,738 ล้านบาท ขบวนรถไฟฟ้า 4,980 ล้านบาท ค่าบริหารโครงการ 800 ล้านบาท ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,573 ล้านบาท และเงินสำรอง 1,084 ล้านบาท ทั้งนี้จะได้รับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมูลค่า 4.5 ล้านล้านบาท จากการประหยัดน้ำมัน 1.7 ล้านล้านบาท การประหยัดเวลา 1.5 ล้านล้านบาท ด้านสิ่งแวดล้อม 1.06 ล้านล้านบาท และลดปัญหาการจราจรระหว่างทางรถยนต์กับทางรถไฟ อีก 112 แสนล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น