จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2253 16 ก.ย. - 19 ก.ย. 2550
การรถไฟฯ ดีเดย์ขายซองประมูลรถไฟชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน 28 ก.ย.นี้ ยันให้เอกชนรับหน้าไล่รื้อ แจงเตรียมแนวทางช่วยเหลือไว้ให้แล้ว พร้อมเอื้อรับเหมาด้วยการขยายเวลาเตรียมข้อเสนอจาก 45 เป็น 60 วัน และเพิ่มวันก่อสร้างจาก 900 เป็น 1,100 วัน เผยยอดรวมชุมชนตามแนวเขตทางพุ่งถึง 3,337 ราย ผู้บุกรุกมากสุดถึง 3,084 ราย สลัม 4 ภาค 90 ราย รวมถึงคู่สัญญาเช่าและสิ่งปลูกสร้างด้วย
แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ได้ออกประกาศเอกสารประกวดราคาจ้างก่อสร้าง โครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นตามระเบียบการอี-ออคชั่น ซึ่งจะทำการประกาศเป็นเวลา 3 วันทำการ หรือจนถึงวันที่ 18 กันยายน 2550 นี้ จากนั้นจะรวบรวมข้อเสนอแนะทั้งหมดเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณา ว่าจะมีการปรับแก้ไขอะไรอีกหรือไม่ จากนั้นจะออกประกาศครั้งสุดท้ายช่วงระหว่างวันที่ 25-27 และจะประกาศขายซองเอกสารในวันที่ 28 กันยายนนี้ โดยจะประกาศขายเอกสารเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 10 วันทำการ หรือประมาณ 2 สัปดาห์
สำหรับขอบเขตของเนื้องาน และคุณสมบัติของผู้ยื่นเสนอราคา โดยหลักยังคงยึดตามร่างเอกสารประกวดราคา ที่ประกาศเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่มีการปรับแก้ในบางส่วน นั่นคือปรับเพิ่มมูลค่าผลงานที่นำมาอ้างอิงในส่วนของผลงานด้านโยธา จากเดิมที่กำหนดมูลค่าสัญญาเดียวไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท เป็น 600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการขยายเวลาในการเตรียมเอกสารข้อเสนอ จาก 45 วันเป็น 60 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้องานที่เพิ่มขึ้น ในส่วนที่ต้องมีการลงพื้นที่สำรวจชุมชนและราคาค่ารื้อย้าย รวมถึงเพิ่มจำนวนระยะเวลาการก่อสร้างจากเดิมกำหนดให้ 900 วัน เป็น 1,100 วัน โดยเพิ่มให้ 200 วันเพื่อใช้ในการดำเนินการรื้อย้าย
แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของงานรื้อย้ายชุมชนที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการ ยังคงมอบให้เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้าง เนื่องจากเห็นว่ามีความคล่องตัวสูง โดยการรถไฟฯ จะสรุปตัวเลขที่ชัดเจน พร้อมทั้งเตรียมแนวทางในการเจรจา และรื้อย้ายไว้ให้พิจารณาประกอบการดำเนินงานด้วย โดยตัวเลขล่าสุดของชุมชนที่อยู่ในแนวเขตทาง จากการสำรวจล่าสุดช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มียอดรวมทั้งสิ้น 3,337 ราย เพิ่มขึ้นจากเดิมที่สำรวจไว้ว่ามีประมาณ 3,001 ราย ซึ่งมี 4 กลุ่มด้วยกัน คือกลุ่มผู้บุกรุก กลุ่มสลัม 4 ภาค กลุ่มที่เป็นคู่สัญญาเช่า และกลุ่มที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับกลุ่มผู้บุกรุกนั้น มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3,084 หลังคาเรือน ซึ่งอยู่กระจัดกระจายตามแนวเส้นทางรถไฟ ได้แก่ ชุมชนโชติวัฒน์ 64 ราย ชุมชนบึงฝรั่ง 33 ราย ชุมชนสุขสันต์ 30 ราย ชุมชนสุดซอยสมถวิล 260 ราย ชุมชนสะพานดำ (บางซื่อ) 214 ราย ชุมชนยิ้มประยูรพัฒนา 43 ราย ชุมชนสีน้ำเงิน 3 จำนวน 502 ราย ชุมชนวัดเสาหิน 37 ราย ชุมชนพระราม 6 จำนวน97 ราย ชุมชนมงคลสุขและอเมซอน 143 ราย ชุมชนริมทางรถไฟ (บางอ้อ) 188 ราย ชุมชนวัดเพลง 46 ราย ชุมชนวัดพิกุล 90 ราย ชุมชนสะพานดำ (ตลิ่งชัน) 79 ราย ชุมชนริมทางรถไฟชัยพฤกษ์ 460 ราย ชุมชนตลิ่งชัน 40 ราย ชุมชนฉิมพลี 35 ราย และชุมชนอื่นๆ อีก 542 ราย
ส่วนกลุ่มชุมชนสลัม 4 ภาค มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 90 หลังคาเรือน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนทางรถไฟชัยพฤกษ์ 66 ราย ชุมชนวัดเพลง 11 ราย และชุมชนมงคลสุขและอเมซอน 13 ราย และกลุ่มผู้ที่มีสัญญาเช่ากับการรถไฟฯ จำนวน 130 หลังคาเรือน โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณย่านบางซ่อน(ใหม่) ซึ่งเป็นรายที่มีคู่สัญญาอยู่ 114 สิ่งปลูกสร้าง ส่วนที่บริเวณย่านสถานีบางซ่อน (เก่า) มีคู่สัญญา 2 สิ่งปลูกสร้าง และไม่มีคู่สัญญา 14 สิ่งปลูกสร้าง สำหรับกลุ่มสุดท้ายคือสิ่งปลูกสร้างของการรถไฟฯ ที่ตลอดแนวเส้นทางมีรวมอยู่ทั้งสิ้น 40 รายการ
"เรื่องการรื้อย้ายชุมเรายังยืนยันให้ทางผู้รับจ้างทำให้ เพราะเห็นว่ามีศักยภาพที่ดีกว่าเรา แต่เราก็ไม่ได้ทอดทิ้ง จะเตรียมแนวทางการดำเนินงานไว้ให้เลือกว่ามีทางเลือกอะไรในการเจรจาต่อรองราคา และรื้อย้าย โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันขึ้นิอยู่กับข้อตกลงที่เราทำไว้ด้วย ซึ่งรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบในเอกสารที่จะเปิดขายวันที่ 28 นี้ " แหล่งข่าวกล่าว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น